ในวันวาเลนไทน์ คุณอยากจะได้ยินคำว่า “ฉันรักคุณ” หรือ “หัวใจของฉันคือมหาสมุทรแห่งความรักอันไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับคุณ” มากกว่ากัน เพราะเหตุใด กวีและผู้สร้างการ์ดอวยพรเข้าใจถึงเสน่ห์ของวลีที่สองซึ่งใช้คำอุปมา คำอุปมาอุปมัยวาดภาพที่สดใส จับความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่คุณไม่จำเป็นต้องรอโอกาสพิเศษเพื่อที่จะพบกับคำอุปมาอุปมัย ที่จริงแล้ว คุณอาจใช้มันเป็นประจำโดยไม่รู้ตัว ในบทความนี้ เราจะดูตัวอย่าง ประเภท และการใช้งานอุปมาอุปมัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบริบทต่างๆ
คำอุปมาอุปมัยเป็นเครื่องมือทางภาษาที่มีสีสัน พวกเขาเปรียบเทียบสองสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเพื่อเน้นความคล้ายคลึงกันและสร้างภาพลักษณ์หรือความรู้สึกที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น วลีเช่น "เวลาคือขโมย" หรือ "เสียงหัวเราะของเธอเป็นเพลงที่หูของฉัน" เป็นคำอุปมาอุปไมยในชีวิตประจำวัน พวกเขาทำให้การสนทนามีชีวิตชีวามากขึ้นและช่วยถ่ายทอดอารมณ์หรือความคิดที่ซับซ้อนในรูปแบบที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น
คำอุปมาอุปมัยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการแสดงออกทางบทกวีเท่านั้น พวกมันถูกถักทอเป็นภาษาประจำวันของเรา จากการอธิบายความรู้สึกไปจนถึงการอธิบายประสบการณ์ คำอุปมาอุปมัยช่วยเพิ่มความลึกและความคิดสร้างสรรค์ให้กับการสื่อสารของเรา สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนแปรงทาสีสำหรับคำพูด ช่วยให้เราสร้างสรรค์เรื่องราวที่น่าสนใจยิ่งขึ้น และถ่ายทอดความรู้สึกในลักษณะที่สะท้อนอย่างลึกซึ้ง ดังนั้น ครั้งต่อไปที่คุณพูด จงตั้งใจฟัง คุณอาจสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังวาดภาพด้วยวาจาด้วยคำอุปมาอุปมัย!
ทำความเข้าใจกับคำอุปมาอุปมัย
คำอุปมาคือวิธีหนึ่งในการแสดงบางสิ่งโดยการเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น เป็นอุปมาอุปไมยที่ใช้เน้นความคล้ายคลึงกันระหว่างสองสิ่งที่ดูเหมือนจะแตกต่างกัน ทำให้เกิดภาพที่สดใสในใจของผู้ฟัง ต่างจากข้อความตามตัวอักษร คำอุปมาอุปไมยไม่ได้หมายถึงการเป็นความจริงตามข้อเท็จจริง แต่กลับใช้เพื่อถ่ายทอดแนวคิดอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น
ลองจินตนาการว่า “เวลาเป็นขโมย” คำอุปมานี้ไม่ได้หมายความว่าเวลาขโมยสิ่งต่าง ๆ อย่างแท้จริง แต่เปรียบเทียบเวลากับขโมย โดยบอกเป็นนัยว่ามันสามารถพรากสิ่งต่าง ๆ ไปจากเราได้ เป็นวิธีแสดงให้เห็นว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและใช้เวลา ช่วงเวลาหรือโอกาส โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว
คำอุปมาอุปมัยมักทำให้ภาษามีสีสันมากขึ้นและช่วยให้ผู้คนเข้าใจแนวคิดที่ซับซ้อนโดยเชื่อมโยงกับแนวคิดที่คุ้นเคย ตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนพูดว่า “เสียงของเธอเป็นดนตรีที่ติดหูของฉัน” ไม่ได้หมายความว่าเสียงของเธอทำให้เกิดดนตรีจริงๆ แต่แนะนำว่าการฟังของเธอเป็นเรื่องน่ายินดี เช่นเดียวกับการฟัง เพลงเพราะๆ.
การใช้คำอุปมาอุปไมย ผู้พูด หรือนักเขียนสามารถสร้างคำอธิบายที่ทรงพลังและน่าจดจำซึ่งกระตุ้นอารมณ์และวาดภาพจิตที่สดใสให้กับผู้ชม ทำให้การสื่อสารของพวกเขามีส่วนร่วมและมีผลกระทบมากขึ้น
ประเภทของคำอุปมาอุปมัย
คำอุปมาอุปมัยมาในรูปแบบต่างๆ แต่ละภาพเปรียบเทียบอย่างชัดเจนระหว่างสองสิ่งในรูปแบบที่ไม่ซ้ำกัน:
- คำอุปมาอุปมัยที่สมบูรณ์ – คำอุปมาเหล่านี้เชื่อมโยงสองสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันเพื่อสร้างจุดแข็ง ตัวอย่างเช่น “เธอกำลังเดินไต่เชือกกับผลการเรียนของเธอในภาคการศึกษานี้”
- คำอุปมาที่ตายแล้ว – เมื่อเวลาผ่านไป คำอุปมาอุปมัยเหล่านี้ได้หลงไปจากความหมายดั้งเดิม แม้จะมีการใช้งานบ่อยครั้ง แต่การเปรียบเทียบเดิมก็มักจะไม่ชัดเจน เช่น “อย่าหลุดมือ”
- คำอุปมาอุปไมยแบบขยาย – เป็นการเปรียบเทียบที่ยาวนานซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ตัวอย่างเช่น “เธอเป็นศิลาของครอบครัวเรา แข็งแกร่งและไม่มีวันแตกสลาย แม้ในพายุที่เลวร้ายที่สุด”
- คำอุปมาอุปมัยโดยนัย – โดยไม่ต้องระบุการเปรียบเทียบอย่างชัดเจน คำอุปมาอุปมัยเหล่านี้บอกเป็นนัยถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างสองสิ่ง เช่น “เด็กวัยรุ่นระเบิดด้วยความโกรธ”
- คำอุปมาอุปมัยแบบผสม – พวกเขาผสมผสานการเปรียบเทียบสองแบบทั่วไปหรือสำนวนเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์และบางครั้งก็ตลกขบขัน ตัวอย่างคือ “ในช่วงเวลาที่ร้อนแรง เธอกลายเป็นน้ำแข็งและเต้นไปตามจังหวะกลองของเธอเอง”
ตัวอย่างคำอุปมาอุปมัยทั่วไป
- ใจหิน: นี่หมายถึงใครบางคนรุนแรงหรือไร้ความเมตตา
- ครูของฉันเป็นคนใจร้ายบางครั้ง
- คำอุปมาสวนสัตว์: หมายถึงสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและมีเสียงดัง
- ช่วงพักเรียนเสียงดังมาก เหมือนสวนสัตว์!
- เวลาคือเงิน: หมายถึงเวลามีค่าเช่นเดียวกับเงิน
- เฮ้ อย่าเสียเวลาเลย มันก็สำคัญเหมือนกัน!
- ลมกรรโชกใส่หน้าเขาขณะขี่จักรยาน
- ลมพัดแรงมากบนใบหน้าของเขาเหมือนกำลังกรีดร้อง
- ไปเดินเล่นหรือคุณจะกลายเป็นคนขี้เกียจ
- ถ้าไม่เดินอาจจะอ้วนและขี้เกียจได้
- หัวใจหินของเธอเป็นผลมาจากเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตของเธอก่อนหน้านี้
- หัวใจของเธอรู้สึกเย็นชาเพราะสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอ
- แม่ของเธอเตือนเธอเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดในโลก
- แม่ของเธอเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับคนไม่ดีที่นั่น
- เขาเป็นเพชรท่ามกลางทะเลแก้ว
- เขาเป็นคนพิเศษเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
- คุณกำลังนั่งอยู่บนลอตเตอรีที่ถูกรางวัล
- คุณมีโอกาสดีๆอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว!
ตัวอย่างคำอุปมาอุปไมยเพิ่มเติม
- เขาเป็นเสือชีตาห์ในการแข่งขัน ความหมาย: นักวิ่งเร็วมากเหมือนเสือชีตาห์
- คุณจะถูกทิ้งไว้ในฝุ่น ความหมาย: คุณจะอยู่ห่างไกลหรือถูกทิ้งให้ห่างไกลจากบางสิ่งหรือใครบางคน
- อาจารย์เป็นแสงสว่างนำทางให้เขา ความหมาย: ศาสตราจารย์ได้ให้คำแนะนำที่สำคัญและช่วยเหลือบุคคลนั้นเหมือนแสงสว่างนำทาง
- ม่านแห่งชีวิตก็พังทลายลง ความหมาย: วลีนี้หมายความว่าชีวิตของใครบางคนสิ้นสุดลงหรือถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
- ชีวิตคือเขาวงกต ความหมาย: ชีวิตเปรียบได้กับเขาวงกต เพราะมีเรื่องพลิกผัน พลิกผัน และน่าประหลาดใจในทุกย่างก้าว
- มีหนูอยู่ในหมู่พวกเรา ความหมาย: คนในกลุ่มอาจจะทรยศหรือหลอกลวง
- หัวใจของเธอจมลงเมื่อได้ยินข่าวร้าย ความหมาย: เธอรู้สึกเศร้าหรือผิดหวังอย่างยิ่งเมื่อได้ยินข่าวร้าย
- เสียงหัวเราะเป็นยาที่ดีที่สุด. ความหมาย: การหัวเราะเป็นเหมือนยารักษา มันสามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้
- วัฒนธรรมของอินเดียคือชามสลัด ความหมาย: อินเดียมีวัฒนธรรมที่หลากหลายที่อยู่ร่วมกันเหมือนส่วนผสมในสลัด โดยแต่ละวัฒนธรรมยังคงรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- หัวใจของเขาทำด้วยทองคำ ความหมาย: เขามีน้ำใจและใจดีมาก
- เธอจมอยู่ในความโศกเศร้า ความหมาย: เธอรู้สึกหนักใจหรือหนักใจด้วยความโศกเศร้าอย่างมาก
- จิตใจก็คือมหาสมุทร ความหมาย: จิตใจกว้างใหญ่ มีความคิดลึกซึ้งและสงบ
- หัวใจของเธอละลายเมื่อเห็นเขา ความหมาย: เธอรู้สึกอบอุ่นและน่ารักเมื่อเห็นเขา
- คำพูดของคุณบาดลึกยิ่งกว่ามีด ความหมาย: คำพูดของคุณเจ็บมากเหมือนมีดคม
- ทนายความของเขาคือฉลาม ความหมาย: ทนายความมีความก้าวร้าวหรือมีไหวพริบในการทำงาน
- เขาคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเขา ความหมาย: เขาเอาแต่ใจตัวเองและเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขา
- จิตใจคือคอมพิวเตอร์ ความหมาย: สมองประมวลผลข้อมูลเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์
- Sarojini Naidu เป็นนกไนติงเกลแห่งอินเดีย ความหมาย: เธอถูกเปรียบเทียบกับนกไนติงเกลเนื่องจากมีเสียงและบทกวีที่ไพเราะ
- เพื่อนคือสมบัติ ความหมาย: เพื่อนที่ดีมีคุณค่าและมีค่า
- ความรักคือดอกกุหลาบ ความหมาย: ความรักมีทั้งความสวยงามและความยากลำบาก เช่นเดียวกับดอกกุหลาบที่มีกลีบและหนาม
ตัวอย่างคำอุปมาอุปมัยในสำนวนในชีวิตประจำวัน
เราใช้คำอุปมาอุปมัยบ่อยครั้งในการสนทนาในแต่ละวัน โดยที่เราไม่รู้ตัว ต่อไปนี้เป็นคำอุปมาอุปมัยทั่วไปที่ผู้คนมักใช้ในชีวิตประจำวัน:
- ชีวิตคือการแข่งขัน แต่บางครั้งเราก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเรากำลังมุ่งสู่อะไร
- “พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างแห่งชีวิตของฉัน” หมายถึง ผู้ที่นำความสดใสและความสุขมาให้
- เมื่อเราพูดว่า “ห้องนี้กลายเป็นคุกของฉันแล้ว” เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกติดกับดักหรือถูกจำกัด
- การบรรยายถึงความรักเปรียบเสมือนไวน์ชั้นดีบ่งบอกถึงความเข้มข้นและความลึกล้ำของความรัก “หัวใจของฉันเป็นสเตอริโอและมันเต้นเพื่อเธอ” สื่อถึงอารมณ์หรือความรู้สึกที่รุนแรง
- การพูดว่า “เธอมีความสุขเหมือนหอย” หมายความว่ามีคนพอใจหรือร่าเริง
- “จิตใจของฉันกลายเป็นมหาสมุทรที่มีคลื่นสงบเมื่อฉันนั่งสมาธิ” บรรยายถึงสภาวะจิตใจที่สงบ
- เมื่อเราพูดว่า “เมื่อวานเป็นรถไฟเหาะ” มันหมายถึงวันที่เต็มไปด้วยความขึ้นๆ ลงๆ การ “ฟิตเหมือนเล่นซอ” หมายถึงการมีสุขภาพที่ดีและมีรูปร่างที่ดี
- “He is an old Flame” เป็นการแนะนำคนในอดีตที่มีความสำคัญโรแมนติก แม้ว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้วก็ตาม
ตัวอย่างคำอุปมาอุปมัยในบทกวี
คำอุปมาอุปมัยช่วยเพิ่มความลึกให้กับบทกวี ทำให้มีความหมายมากขึ้น กวีผู้มีชื่อเสียงหลายคนได้ใช้คำอุปมาอุปไมยอย่างเชี่ยวชาญในงานของตน ซึ่งช่วยเพิ่มแก่นแท้ของบทกวีของพวกเขา:
- วิลเลียม เชกสเปียร์ ใน “As You Like It” บรรยายชีวิตเป็นเวที และผู้คนเป็นเพียงผู้เล่น พรรณนาโลกว่าเป็นการแสดงละคร
- โรเบิร์ต ฟรอสต์เรื่อง “The Road Not Taken” ใช้คำอุปมาของถนนสองสายที่แยกจากกันบนไม้สีเหลืองเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกของชีวิต เน้นย้ำถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในการเลือกเส้นทางที่แหวกแนว
- “ความหวัง” ของเอมิลี่ ดิกคินสัน เปรียบเทียบความหวังกับนกที่มีขนสถิตอยู่ในจิตวิญญาณ และร้องเพลงอันไพเราะโดยไม่ใช้คำพูด สื่อถึงความหวังว่าเป็นพลังที่ปลอบประโลมและฟื้นตัวจากภายใน
ตัวอย่างอุปมาอุปไมยในวรรณคดี
คำอุปมาอุปมัยเป็นการเปรียบเทียบที่ใช้ในวรรณคดีเพื่ออธิบายสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบที่สดใสและเต็มไปด้วยจินตนาการ พวกเขาเป็นเหมือนภาพสีสันสดใสที่วาดด้วยคำพูด ช่วยให้นักเขียนสามารถถ่ายทอดความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการเชื่อมโยงสิ่งหนึ่งไปยังอีกสิ่งหนึ่ง
ต่อไปนี้เป็นคำอุปมาอุปมัยทั่วไปที่พบในวรรณคดีและความหมาย:
- “บางคนบอกว่าโลกจะจบลงด้วยไฟ บางคนว่าด้วยน้ำแข็ง” ของโรเบิร์ต ฟรอสต์ เปรียบเทียบความเป็นไปได้สุดโต่งสองประการ โดยใช้ไฟเพื่อเป็นตัวแทนของการทำลายล้างและความหลงใหล ในขณะที่น้ำแข็งหมายถึงความหนาวเย็นและการแตกแยก มันสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับจุดจบของโลก
- แลงสตัน ฮิวจ์ส "ยึดมั่นในความฝัน เพราะเมื่อความฝันผ่านไป ชีวิตคือทุ่งแห้งแล้ง กลายเป็นน้ำแข็งด้วยหิมะ" เป็นการเปรียบเทียบเชิงเปรียบเทียบชีวิตที่ปราศจากความฝันกับทุ่งน้ำแข็งที่ไร้ประโยชน์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการยึดมั่นในปณิธาน
- ผลงานของเช็คสเปียร์เรื่อง “Shall I comparison you to a summer's day” เป็นการเปรียบเทียบเปรียบเทียบความงามของใครบางคนกับความน่ารักของวันในฤดูร้อน โดยเน้นย้ำถึงความน่าดึงดูดใจและความอมตะของพวกเขา
- “ความหวังคือสิ่งที่มีขนนก” ของเอมิลี ดิกคินสัน เปรียบเทียบความหวังกับนก โดยบอกว่าความหวังนั้นมีความยืดหยุ่น ปลอบโยน และปรากฏอยู่เสมอ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
- คำอุปมาของจอห์น กรีนในเรื่อง “The sun was a Toddler Insistently Refusing to Go to Bed” เป็นการเปรียบเทียบความดื้อรั้นของเด็กวัยหัดเดินกับดวงอาทิตย์ที่ยังส่องแสงจนดึกดื่น ทำให้เกิดภาพที่สดใสของความสดใสอย่างต่อเนื่อง
- คำอุปมาของฟรานเซส ฮาร์ดินจ์ "ความปรารถนาคือหนาม" บ่งบอกเป็นนัยว่าความปรารถนา เช่นเดียวกับหนาม สามารถนำความเจ็บปวดหรือความไม่สบายตัวมาได้เมื่อไม่ได้ผล
- “Love is a battlefield” ของ Pat Benatar เปรียบเสมือนความสัมพันธ์โรแมนติกกับเขตสงคราม แสดงถึงความท้าทายและความขัดแย้งที่ความรักนำมาซึ่ง
- “All the World's a Stage” ของเช็คสเปียร์เปรียบเทียบชีวิตกับละคร โดยเน้นว่าผู้คนมีบทบาทที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของชีวิตอย่างไร
- “เพื่อนแต่ละคนเป็นตัวแทนของโลกในตัวเรา” ของอาไนส์ นิน เปรียบเสมือนการแนะนำว่าเพื่อนเผยให้เห็นแง่มุมต่างๆ ในตัวเรา ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์ของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- ผลงานของฟรานเซส ฮาร์ดินจ์ “ถ้าปัญญาเป็นหมุด ชายคนนั้นก็คงเป็นเม่นจริงๆ” เปรียบเทียบความฉลาดของมนุษย์กับหมุดอย่างตลกขบขัน โดยบ่งบอกว่าบุคคลนั้นมีจิตใจที่เฉียบแหลม
คำอุปมาอุปมัยเหล่านี้ช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพและเข้าใจความคิดหรืออารมณ์ที่ซับซ้อนได้ดีขึ้นผ่านการเปรียบเทียบที่สร้างสรรค์
เขียนความเห็น